จุฬาฯVSม.มหิดล ดุริยางคศิลป์
มหาวิทยาลัยดนตรีในปัจจุบันนี้มีการแข่งขันกันมากทั้งในด้านการผลิตนักศึกษาที่มีคุณภาพ และการนำบุคลากรผู้สอนที่มีความสามารถมาเป็นตัวดึงดูด ทำให้หลักสูตรดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้น และมหาวิทยาลัยอันดับต้นๆ ที่มีน้องๆ สนใจในด้านดุริยางคศิลป์มากที่สุดจะเป็นมหา’ลัยไหนกันนะ? …จุฬาฯVSม.มหิดล ดุริยางคศิลป์
จุฬาฯVSม.มหิดล ดุริยางคศิลป์
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประวัติความเป็นมา คณะศิลปกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จัดตั้งคณะขึ้นในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2527 นับเป็นคณะที่ 15 ของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีหน่วยงานวิชาการทางด้านศิลปกรรมศาสตร์ อาจครอบคลุมวิชาการทุกสาขาด้านศิลปะอย่างสมบูรณ์ เช่น วิจิตรศิลป์ เนรมิตศิลป์ ศิลปะทฤษฎี หรือดุริยางค์ และศิลปะการแสดง เป็นต้น
หลักสูตรที่เปิดสอน คณะศิลปกรรมศาสตร์ เปิดสอนในหลักสูตร ระดับปริญญาตรี 4 ภาควิชา ได้แก่ ภาควิชาทัศนศิลป์ – สาขาจิตรกรรม – สาขาประติมากรรม – สาขาภาพพิมพ์ – สาขาภาพถ่าย ภาควิชานฤมิตศิลป์ – สาขาเรขศิลป์ – สาขาหัตถศิลป์ – สาขามัณฑนศิลป์ – สาขานิทรรศการศิลป์ ภาควิชาดุริยางคศิลป์ – สาขาดุริยางคศิลป์ตะวันตก – สาขาดุริยางคศิลป์ไทย ภาควิชานาฏยศิลป์ – สาขานาฏยศิลป์
จุดเด่น และการเรียนการสอน คณะศิลปกรรมศาสตร์ มีการเรียนการสอนที่ว่าด้วยเรื่องศาสตร์การศึกษาวิชาการที่เกี่ยวกับศิลปะ และการประยุกต์ศิลป์ โดยศึกษาทฤษฎี ประวัติ เทคนิควิธีการสร้างสรรค์ เช่น การวาดภาพ การออกแบบปั้น การพิมพ์ การเล่นดนตรีและการรำ เป็นต้น ทั้งนี้โดยมีจุดหมายให้สามารถนำความรู้ไปประยุกต์ใช้ และอนุรักษ์ศิลปกรรมที่เป็นเอกลักษณ์ของชาติ รวมทั้งบุกเบิกสร้างสรรค์วิทยาการใหม่
สำหรับสาขาดุริยางคศิลป์ แยกออกเป็น สาขาดุริยางคศิลป์ไทย ศึกษาดนตรีไทย และสาขาดุริยางคศิลป์ตะวันตก ศึกษาดนตรีคลาสสิก โดยมีวิชาเฉพาะ เช่น ทฤษฎีดนตรี ประวัติดนตรี และวิชาปฏิบัติ การบรรเลง ขับร้อง และประพันธ์ดนตรี เป็นสาขาที่เน้นในเรื่องของการเรียนรู้ศิลปะสุนทรียศิลป์ ส่งเสริมให้นักศึกษาสามารถแก้ไขจุดบกพร่อง และค้นหาจุดเด่นของตนเอง เพื่อนพัฒนาให้ดีขึ้น จะได้เรียนรู้ตั้งแต่เบสิคเบื้องต้น ทฤษฎี โสตทักษะต่างๆ ซึ่งจำเป็นเป็นต่อศาสตร์ด้านนี้โดยเฉพาะ ทำให้จบไปสามารถต่อยอดทักษะของตนเองได้อย่างเต็มที่ ทั้งการเป็นนักดนตรี รับราชกาฝ่ายดุริยางค์ทหารเรือ, ทหารบก, ทหารอากาศ, ตำรวจ หรือกรมศิลปากร นักแต่ง ซาวน์เอนจิเนียร์ในห้องอัด อาจารย์สอนดนตรีทั้งมหาวิทยาลัยรัฐ และเอกชน หรืออาจารย์สอนพิเศษ และแม้แต่เป็นศิลปินก็สามารถทำได้ เครดิต : www.faa.chula.ac.th, www.cicc.chula.ac.th/gallery/fine-arts/fine-arts7-118.html
มหาวิทยาลัยมหิดล ประวัติความเป็นมา วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เป็นวิทยาลัยดนตรีแห่งแรกของประเทศไทย มีฐานะเทียบเท่าคณะหนึ่ง ในกำกับของมหาวิทยาลัยมหิดล เปิดสอนวิชาเกี่ยวกับดนตรีโดยเฉพาะ ได้ชื่อ “วิทยาลัยดุริยาคศิลป์” เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2536 เป็นชื่อที่ ศ.นพ. อดุลย์ วิริยเวชกุล เป็นผู้เสนอและเป็นที่ยอมรับ หมายถึงวิทยาลัยดนตรีที่มุ่งสร้างนักดนตรีที่มีความสามารถในการเล่นดนตรี เป็นวิทยาลัยของผู้ที่มีศิลปะทางดนตรี โดยเป็นสถาบันเดียวในประเทศที่เปิดสอนวิชาดนตรีในระดับปริญญาเอก มีอาจารย์ที่ชำนาญในเครื่องดนตรีแต่ละชนิดโดยเฉพาะ เป็นสถาบันเดียวในประเทศที่เปิดสอนทั้งด้านแนวเพลงไทยและแนวเพลงสากล
หลักสูตรที่เปิดสอน ระดับปริญญาตรี ศิลปศาสตรบัณฑิต สาขาวิชาดนตรี มี 9 แขนงวิชา ได้แก่ – ดนตรีไทยและดนตรีตะวันออก – ดนตรีปฏิบัติ (ดนตรีตะวันตก) – ดนตรีแจ๊ส – เทคโนโลยีดนตรี – ดนตรีสมัยนิยม – ธุรกิจดนตรี – การประพันธ์ดนตรี – ดนตรีศึกษา – การแสดงละครเพลง
จุดเด่น และการเรียนการสอน นักศึกษาที่มาเรียนที่วิทยาลัยจะได้สัมผัสกับระบบการเรียนการสอนที่เข้มข้น และยังมีโอกาสเรียนรู้จักโลกนอกห้องเรียนโดยเล่นดนตรี และแสดงดนตรีในกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ ที่มีขึ้นโดยสม่ำเสมอตลอดทั้งปี ความเป็นวิทยาลัยดนตรีขนาดใหญ่ทำให้นักศึกษามีโอกาสเลือกสรรรูปแบบการเรียน รู้ และทำกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับดนตรีได้ตามความสนใจ ทางวิทยาลัยมีสถานที่ และอุปกรณ์ที่เพียบพร้อมครบครันรองรับการเรียนการสอน การทำงานทุกสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็นห้องซ้อมเดี่ยวจำนวนมาก ห้องซ้อมรวมวง ห้องคอมพิวเตอร์ ห้องมิดิแลป ห้องสมุดพร้อมโสตทัศนูปกรณ์ ห้องดูหนัง ฟังเพลง ฯลฯ
ภายในวิทยาลัยมีลานกิจกรรมสำหรับเปิดแสดงคอนเสิร์ตหรืองานเกี่ยวกับดนตรี ต่างๆ มีห้องแสดงคอนเสิร์ตขนาดต่างๆ และมีหอแสดงดนตรีชั้นเยี่ยม เป็นที่แวะเวียนมาแสดงของศิลปิน และคนดนตรีระดับประเทศและระดับโลกอยู่บ่อยครั้ง นักเรียน นักศึกษาจึงสามารถสัมผัสประสบการณ์ดนตรีนานารูปแบบได้เกือบทุกวันในรอบปี ทั้งยังสามารถแสดงผลงานของตนเองได้ด้วย
เครดิต : www.music.mahidol.ac.th/th/about/life_campus.php
ติดตาม Campus Battle จุฬาฯVSม.มหิดล ได้ที่นิตยสาร Campus Star No.25
Facebook : www.facebook.com/campusstar
No comments:
Post a Comment