ตำรวจอึ้ง!! แรงงานต่างด้าวทำงานไม่มีเอกสารตัวจริง
เจ้าหน้าที่บุกตรวจสอบสถานที่ก่อสร้างโรงแรมบนเกาะสมุย บนแรงงานต่างด้าวทำงานโดยไม่มีเอกสารตัวจริง
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 61 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ท.พรศักดิ์ พูลสวัสดิ์ แม่ทัพภาคที่4 พล.ต.เกรียงไกร ศรีรักษ์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการช่วยรบที่4(ผบ.บชร.4) พล.ต.ต.อภิชาติ บุญศรีโรจน์ ผบก.ภ.จ.สุราษฎร์ธานี พ.ต.อ.ธงชนะ หาญกิตติกาญจนา ผกก.สภ.บ่อผุด และพ.ต.อ.วันชนะ บวรบุญ ผกก.ตม.จ.สุราษฎร์ธานี พร้อมด้วยกำลังตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจ.สุราษฎร์ธานี และทหารจากกองกำลังรักษาความสงบเรียบร้อย มณฑลทหารบกที่ 45 พื้นที่เกาะสมุย สนธิกำลังร่วมกับ ตำรวจสภ.บ่อผุด เข้าตรวจสอบภายในสถานที่ก่อสร้างโรงแรมโบ๊ทเฮ้าส์ หมู่ที่ 4 ตำบลบ่อผุด อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี
เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึงพบว่าสถานที่ก่อสร้างดังกล่าวอยู่ระหว่างการปรับปรุงตัวอาคาร สระว่ายน้ำ และพื้นที่ของโรงแรม โดยมีวิศวกร โฟร์แมน และคนงานก่อสร้างกำลังทำงานอยู่จำนวนมาก โดยคนงานส่วนใหญ่จะเป็นแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านสัญชาติลาว , กัมพูชา และเมียนมาร์ เจ้าหน้าที่จึงได้แสดงตัวพร้อมเรียกคนงานทั้งหมดมารวมกลุ่มเพื่อขอทำการตรวจสอบหนังสือเดินทาง ใบอนุญาตทำงาน และเอกสารที่เกี่ยวข้องกับการอนุญาตทำงาน
จากการตรวจสอบพบว่ามีแรงงานสัญชาติเมียนมาร์ 23 คน แบ่งเป็นชาย 16คน หญิง 7 คน ไม่ถือเอกสารตัวจริงมีแต่เพียงสำเนาที่ถ่ายเอกสารมาแสดงต่อเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงได้ตรวจสอบเบื้องต้นด้วยแอพพลิเคชั่น BORA. โดยการสแกนคิวอาร์โค้ดบนบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทย เพื่อใช้ในการตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลที่อยู่บนบัตร ปรากฎว่าข้อมูลจริงของบัตรประจำตัวคนซึ่งไม่มีสัญชาติไทยใบหน้าและชื่อกลับไม่ตรงกับสำเนา บางรายตัวแรงงานเป็นผู้ชายแต่เอกสารตัวจริงกลับเป็นผู้หญิง หรือแรงงานเป็นผู้หญิงเอกสารตัวจริงกลับเป็นผู้ชาย อีกทั้งสำเนาหนังสือเดินทางก็มีการปลอมแปลงเอกสารด้วยวิธีการนำรูปถ่ายของตัวเองมาใส่แทนบุคคลที่เป็นเจ้าของบัตรตัวจริง เพื่อตบตาเจ้าหน้าที่ให้รอดพ้นจากการถูกจับกุม
ขณะที่นายสันติ ผาซัน อายุ 37 ปี ผู้รับเหมา บอกว่า แรงงานกลุ่มนี้เป็นแรงงานของห้างหุ้นส่วนจำกัดแห่งหนึ่งในพื้นที่เขตสาทรใหม่ กรุงเทพฯ ที่มารับเหมาช่วงต่อและนำแรงงานชาวเมียนมาร์มาทำงานก่อสร้างที่โรงแรมแห่งนี้ ซึ่งมีหัวหน้าคนไทย 1 คนเป็นผู้ควบคุมคนงาน ซึ่งคนงานกลุ่มนี้มีเพียงสำเนาเอกสารติดตัวมาเท่านั้น
ส่วนนายระ แรงงานชาวเมียนมาร์ บอกอีกว่า มาทำงานก่อสร้างที่ประเทศไทยได้ 2 ปี โดยก่อนหน้านี้นายจ้างได้ให้บริษัทนายหน้าที่รับดำเนินการนำแรงงานไปขึ้นทะเบียนกับกรมการจัดหางาน โดยคิดค่าใช้จ่ายคนละ 15,000 บาท ทางนายจ้างจะหักจากค่าแรงวีคละ 1,000 บาท ตอนนี้หักได้เป็นจำนวน 6,000 บาทแล้ว แต่เอกสารตัวจริงนายจ้างเก็บไว้ ให้มาแต่เพียงสำเนาที่ถืออยู่นี้ และก็ไม่รู้ด้วยว่าเป็นเอกสารปลอมแปลงขึ้นมาเพราะอ่านภาษาไทยไม่ออก
เบื้องต้น ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองจะขยายผลการจับกุม ตรวจสอบข้อมูลว่ามีผู้ใดมีส่วนรู้เห็นในการปลอมแปลงเอกสาร หรือมีการทำเป็นขบวนการปลอมแปลงเอกสาร และเข้าข่ายค้ามนุษย์หรือไม่ ส่วนเจ้าหน้าที่ชุดจับกุมได้แจ้งข้อกล่าวหากับแรงงานชาวเมียนมาร์ทั้ง 23 คนว่า “เป็นบุคคลต่างด้าวหลบหนีเข้ามาและอยุ่ในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต”
และในจำนวนนี้ 16 คน ยังถูกแจ้งข้อกล่าวหา “ปลอมและใช้เอกสารราชการ” สำหรับนายสันติ ผาซัน อายุ 37 ปี ยังให้การปฎิเสธโดยแจ้งว่าตนได้เป็นผู้ควบคุมดูแลแรงงานต่างด้าวแทนนายจ้างของตน แต่เจ้าหน้าที่ไม่ปักใจเชื่อจึงได้แจ้งข้อกล่าวหา “ให้ที่พักพิงปิดบังซ่อนเร้นแก่บุคคลต่างด้าวซึ่งรู้ว่าเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายรอดพ้นการจับกุม” นำตัวส่งพนักงานสอบสวนสภ.บ่อผุดดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
No comments:
Post a Comment